อากาศถือเป็นหนึ่งในความต้องการขั้นพื้นฐานทางกายภาพเพื่อความอยู่รอด องค์กรอนามัยโลก (WHO) ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศ ว่าหากมีเกินกว่า 25 µg/m³ ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทยกำหนดอันตรายของฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 50 µg/m³ ด้วยขนาดที่เล็กมาก ทำให้ฝุ่นละอองพิษ PM2.5 สามารถถูกสูดเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด บางอนุภาคยังอาจเข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย
ฝุ่น PM 2.5 มาจากไหน?
- การเผาไหม้ในที่โล่ง
- ยานพาหนะการคมนาคมขนส่ง
- อุตสาหกรรมโรงงาน
- ฝุ่นละอองทั่วไปและการก่อสร้าง
- การรวมตัวของก๊าซอื่นในบรรยากาศ
ปัจจุบันเรายังไม่สามารถควบคุมให้ปริมาณมลพิษทางอากาศจากแหล่งที่มาเหล่านี้ลดลงได้ รวมถึงสภาพความกดอากาศต่ำ ทำให้การเคลื่อนย้ายของฝุ่นมลภาวะทางอากาศไม่ถ่ายเท
อาการที่ต้องระวัง
- แสบตา ตาแดง
- ผิวหนังอักเสบ ผื่น ภูมิแพ้ผิวหนัง
- สมองมีการพัฒนาช้า สมาธิสั้น
- มีไข้ ตัวร้อน
- แสบจมูก มีน้ำมูก ไอจาม
- ภูมิแพ้กำเริบ
- อาจเป็นโรคร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต เช่น มะเร็งปอด หัวใจขาดเลือด ปอดอักเสบ โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น
วิธีป้องกันและดูแลสุขภาพ
- สวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เมื่อออกจากบ้าน หรือสวมหน้ากาก N95 หรือเทียบเท่า เมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยงฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานาน
- ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น เช่น จุดธูป ปิ้งย่าง เผาขยะ เผาเศษใบไม้ เป็นต้น
- เลี่ยงกิจกรรมหรืองดออกกำลังกายกลางแจ้งในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน
- ทำความสะอาดที่พักอาศัยให้สะอาด ปลอดฝุ่นอยู่เสมอ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรเลี่ยงการออกจากบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการรับมลพิษฝุ่น PM 2.5
- หากมีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจควรพบแพทย์ทันที และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ที่มา: โรงพยาบาลสมิติเวช, โรคพยาบาลศิครินทร์, กองสนับสนุนบริการสุขภาพ
#PM2.5 #โรคระบบทางเดินหายใจ #ฝุ่น #หน้ากากอนามัย #หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ #หน้ากากN95 #หน้ากากเทียบเท่าN95 #หน้ากากป้องกันฝุ่น #ผ้าปิดจมูก #แมส